ช่วงนี้ Fashion Week ใหญ่ ๆ ก็จบลงไปหมดแล้ว แต่ในช่วงปีหลัง ๆ มานี้โชว์ที่ได้รับการจับตามองที่สุดก็คงไม่พ้น Copenhagen Fashion Week โดยเฉพาะที่เป็นโชว์คอลเลคชั่นของปีหน้านั้นถูกคาดการณ์ว่าจะเป็น Fashion Trend 2020 จากผู้มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นอย่าง Anna Wintour ที่ได้มาตอบคำถามเรื่องเทรนด์จากแฟน ๆ ใน Vogue ด้วย บทความนี้ก็เลยจะพาไปทำความรู้จักและดูว่าอะไรทำให้ CPHFW ประสบความสำเร็จได้
ความน่าสนใจของ Copenhagen Fashion Week
CPHFW นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2006 โดยสถาบันแฟชั่นเดนมาร์ก ปัจจุบันจะจัดขึ้นปีละสองครั้งคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์และเดือนสิงหาคม และยังจัดได้ว่าเป็นแฟชั่นโชว์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศนอร์ดิกโดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,600 คนและมีมากกว่า 2,800 คอลเลคชั่น จนทำให้เกิดเป็น 40-45 รันเวย์โชว์เกิดขึ้นที่งานนี้ ก่อนหน้านี้ที่โคเปนฮาเก้นจะมี trade fair หลัก ๆ อยู่สองงานก็คือ CIFF และ Revolver แต่ก็จะงานระดับอุตสาหกรรมมากกว่า
สำหรับจุดเด่นของงาน CPHFW เลยก็คือ ตัวแบรนด์ที่เข้าร่วมทั้งหมดเป็น local brand ไม่ได้เป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทใหญ่ ๆ อย่างแบรนด์ Gucci, Channel หรือ Celine นั่นคือข้อดีเพราะทำให้เป็นการส่งเสริมธุรกิจของประชาชนในประเทศ เป็นการกระจายรายได้ ส่วนสิ่งที่ทำให้คนสนใจแฟชั่นวีคของที่นี่ก็คือตัวเสื้อผ้าเป็นแฟชั่นที่เข้าง่าย มีความ street สามารถใส่ได้จริง และราคาก็ไม่สูงมาก ด้วยความที่เป็น local brand ก็ทำให้รู้ถึงความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีด้วย
และถึงแม้ว่าจะเป็นงานแฟชั่นโชว์ที่เรียกว่าใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวียแต่ก็ยังเล็กกว่าที่ปารีส ลอนดอน หรือนิวยอร์คอยู่ดี สิ่งที่แตกต่างอีกอย่างของงานก็คือการแต่งตัวของผู้ที่มาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์เนอร์ หรืออินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ ซึ่งจะมาแบบที่เราสามารถแต่งตามได้อย่างง่าย ๆ เลยล่ะ เรียกว่าเป็นความมินิมอลอย่างแท้จริง
ในส่วนของเทรนด์แฟชั่นที่แอนนา วินทัวร์ได้พูดถึงนั้นก็มีคอลเลคชั่นจาก CPHFW ติดอยู่ด้วยกันถึง 2 เทรนด์ นั่นก็คือ shorts ที่มาจากแบรนด์ Stand, Baum und Pferdgarten และ Ganni อีกเทรนด์หนึ่งก็คือ color ที่เต็มไปด้วยสีสันจัดจ้านจากรันเวย์แบรนด์ Stine Goya เหมาะกับหน้าร้อนสุด ๆ ไม่แน่ว่าซัมเมอร์ปีหน้าเราคงจะได้เห็นเสื้อผ้าจาก โคเปนเฮเก้นแฟชั่นวีค มากขึ้นอีกแน่นอน
